Manchester by the Sea | แค่..ใครซักคน (493)
- brucecebuhar23d3
- Nov 2, 2017
- 1 min read
Manchester by the Sea บอกเล่าเรื่องราวอันอบอุ่นและซาบซึ้งหัวใจของลี (เคซีย์ แอฟเฟล็ค) ชายหนุ่มที่เหินห่างจากครอบครัวและไปทำงานเป็นภารโรงในบอสตัน ต้องเดินทางกลับไปที่นิวอิงแลดน์บ้านเกิดหลังจากพี่ชายเสียชีวิต และทิ้งหลานชายวัย 16 ปี ให้เขาดูแล (รับบทโดยลูคัส เฮ็ดจ์)

ซึ่งลีไม่อยากรับหน้าที่เป็นผู้ปกครองของหลานชาย หนังยังเต็มไปด้วยนักแสดงคุณภาพที่พากันมาปล่อยของอย่างมิเชล วิลเลียมส์, ไคย์ล แชนด์เลอร์, แมทธิว โบรเดอริก, เทต โดโนแวน และ จอช แฮมิลตัน
หลังจากออกฉายในเทศกาลหนังซันแดนซ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา นักวิจารณ์หลายสำนักได้ยกย่องให้ Manchester by the Sea เป็นงานชิ้นเอก หรือ “masterpiece” ของปีหนังเป็นผลงานกำกับเรื่องที่สามของเคนเนธ โลเนอร์แกน จาก You Can Count on Me และ Margaret ซึ่งโลเนอร์แกนเคยเข้าชิงรางวัลออสการ์มาจากงานเขียนบทใน You Can Count on Me และ Gangs of New York Manchester by the Sea เป็นหนังสายรางวัลขวัญใจนักวิจารณ์ที่ดูง่ายและเข้าถึงง่ายสำหรับคนทั่วไป เพราะแก่นของหนังหลัก ๆ เป็นเรื่องความสัมพันธ์ครอบครัวและเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาชีวิตที่ทุกคนบนโลกต้องพบเจอนั่นก็คือการสูญเสีย การแยกทาง Lee (Casey Affleck) เป็นชายที่เหมือนแบกโลกทั้งใบและอดีตทั้งชาติไว้เต็มอก ดูเบื่อหน่ายกับโลกนี้เต็มประดา เข้ากับคนยาก ไม่ค่อยเอาใคร และขณะเดียวกันในสังคมก็ดูไม่มีใครเอาเขา (ในขณะที่เวลามีคนอื่นพูดถึงพ่อหรือพี่ชายของเขา พูดถึงแต่ในแง่คิดถึงและชื่นชม) ตรงกันข้ามกับหลานชายของเขา Patrick (Lucas Hedges) ที่เพื่อนเยอะ เล่นดนตรี เล่นกีฬา (ไม่ใช่แค่ได้แต่นั่งดูอยู่หน้าจอแบบอา) และดูเข้มแข็งกว่าอาเสียด้วยซ้ำในแง่ของความพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่หลังการสูญเสีย
ภาพรวม Manchester by the Sea ไม่ได้เป็นหนังที่มี story ซับซ้อนมากมายอะไร แต่หนังจะทำให้เข้าใจว่า บางครั้งแค่รักอย่างเดียวมันไม่พอที่จะอยู่ด้วยกัน… หรือรักกันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันเสมอไป สิ่งที่สำคัญที่สุดในทุกความสัมพันธ์คือ ความเข้าใจ นี่คือหนังที่ทรงคุณค่าด้านความรู้สึก เป็นหนังที่เราอยากจะดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะอยากเข้าไปรู้สึกอย่างที่เคยรู้สึกอีกครั้ง โดยไม่สำคัญว่าเราจะรู้เรื่องราวหรือตอนจบของหนังหมดแล้วก็ตาม
Commenti